นางเอกดาราเงินล้าน ต้องตัดสินใจ หนีภัยนายพลคลั่งรัก ด้วยการแต่งงานกับคนนี้...?!! - Thai News

นางเอกดาราเงินล้าน ต้องตัดสินใจ หนีภัยนายพลคลั่งรัก ด้วยการแต่งงานกับคนนี้…?!!

นางเอกฉายาดาราเงินล้านต้องตัดสินใจหนี ภายในพลครั้งรักด้วยการแต่งงานกับคนนี้ [เพลง] กล่าวอย่างเคารพต่อความจริงกว่าพิศมัย วิไลศักดิ์จะก้าวขึ้นมาเป็นดาวค้างฟ้าใน ฐานะนักแสดงมากฝีมือชีวิตแรกเริ่มของเธอ นั้นบอกได้คำเดียวว่าช่างน่าสงสารเหลือ เกินเธอต้องเผชิญหน้ากับความกลัวและชะตา ชีวิตเพียงลำพังหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้พรากพ่อกับแม่ของเธอไปและที่สร้าง ความไม่สบายใจให้เธอไม่น้อยเมื่อเป็นดารา โด่งดังแล้วต้องมาถูกคุกคามจากนายพลคลั่ง รักบ้าอำนาจจนเธอต้องตัดสินใจแต่งงานกับ ชายคนรักอย่างรอช้าไม่ได้ทางนี้ก็เพื่อ

ความปลอดภัย ของเธอกับเขานั่นเอง พิศมัยวิไลศักดิ์เกิดวันพฤหัสบดีแรม 11 ค่ำเดือน 12 ปีเถาะตรงกับวันที่ 7 ธันวาคม 2482 เกิดหลังมิตรชัยบัญชา 5 ปี หลังสมบัติเมทะนี 2 ปีที่บ้านแถวคลอง บางกอกน้อยเขตบางกอกน้อยจังหวัดพระนคร หรือกรุงเทพฯในปัจจุบันคุณพ่อหงวนกับคุณ

แม่ปุยวิไลศักดิ์มีอาชีพค้าขายพิศมัยเกิด ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อุบัติขึ้นพอ ดีชีวิตตอนเด็กแทนที่จะได้วิ่งเล่นสนุก สนานกลับต้องวิ่งลงหลุมหลบภัยพ่อกับแม่ ต้องคอยฟังเสียงไซเรนจนแทบไม่ต้องทำมาหา กินครองบางกอกน้อยบ้านของเธอเป็นหนึ่งใน หลายจุดยุทธศาสตร์ที่ข้าศึกเลือกที่จะ

ทิ้งบอมลงที่นี่มากที่สุดอายุยังไม่ครบ 3 ขวบเต็มด้วยซ้ำสงครามที่เธอไม่รู้จักแม้ กระทั่งความหมายของมันได้พรากแม่ของเธอไป ต่อหน้าต่อตาสิ้นเสียงระเบิดแม่ก็สิ้นใจ จากไปชั่วนิรันดร์ตรงนั้นอกสั่นขวัญหาย ยังไม่สร่างสิ้นพ่อก็ต้องพาลูกๆหนีตายจาก คลองบางกอกน้อยไปอยู่แถวชุมชนตรอกสุเหร่า แขวงชนะสงครามเขตพระนครน้ำตายังไม่แห้ง ได้เรียนหนังสือในซอยมะยมยังไม่คล่อง สงครามก็มาพรากชนิดพ่อไปอีกคนชีวิตของ เด็กหญิงพิศมัยในตอนนี้ไม่ต่างจากปีนุ่น ปลิวเคว้งลอยคว้างไร้ทิศทางร้างที่พึ่ง กระทั่งพี่ชายคนหนึ่งของเธอที่มีอายุห่าง จากเธอหลายปีได้มารับเธอไปอยู่กับ

ครอบครัวของเขาด้วยสงครามทิ้งบาดแผลไว้ ทุกที่ประเทศไทยไม่ต่างจากทั่วโลกที่ กำลังเผชิญหน้ากับยุคข้าวยากหมากแพงพอ ย้ายมาอยู่ที่บ้านของพี่ชายเธอจึงกลาย เป็นอีกหนึ่งภาระที่ทำให้พี่สะใภ้มองเธอ ด้วยสายตาชิงชังรังเกียจเธอเป็นส่วนเกิน ที่ไม่อยากให้อยู่ร่วมชายคาพิศมัยต้องกิน ข้าวแกล้มคำด่าเสียดสีครุกน้ำตาประดามี อยู่ทุกเมื่อเชื่อวันเธออยากกัดฟันด้น ด้านนี้ไปตายเอาดาบหน้าแต่เพียงคนเดียว แต่โลกก็เปล่าเปลี่ยวเชี่ยวหลานเกินไปที่ จะให้เด็กตาดำๆอย่างเธอทำอย่างนั้นได้พอ อายุ 10 ขวบได้เล่นเป็นตัวประกอบแสดงเป็น ตัวทหารยืนเสาเรื่องราชาธิราชละครที่ทาง

โรงเรียนจัดขึ้นได้ค่าจ้างเป็นอัตเป็น เบี้ยไม่กี่มากน้อยมาประทังชีวิตพิศมัย กระเสือกกระสนดิ้นรนเรียนจนจบจากโรงเรียน บำรุงวิทยาและโชคชะตานำพาให้เธอได้เข้า เรียนที่โรงเรียนนาฏศิลป์กรมศิลปากรโรง เรียนนาฏศิลป์แห่งนี้เวลานั้นมีทั้งนัก เรียนแบบประจำและไปกลับเมื่อไม่อาจทนแรง กดดันจากทางบ้านพี่ชายได้พิศมัยซึ่งเป็น นักเรียนแบบไปกลับวันหนึ่งเธอไปแบบไม่ยอม กลับแต่แอบเข้าไปอยู่ในหอพักกับเพื่อน อย่างไม่รู้อนาคตของตัวเอง 4 วันผ่านไป พี่ชายมาตามกลับบ้านวันนั้นอาจารย์ใหญ่ ไม่อยู่มีเพียงรองอาจารย์ใหญ่กับครู นาฏศิลป์สาวคนหนึ่งเท่านั้นที่รับรู้รับ

เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดรองอาจารย์ใหญ่ถาม พี่ชายพิสมัยออกไปว่านี่เธอน้องหายไปตั้ง 4 วันพวกคิดออกตามหาเหรอก่อนหน้านี้ไป อยู่ในมาเงียบไม่มีเสียงตอบกลับความเงียบ นั่นเองที่ทำให้เขื่อนในอกของพิศมัยแตก พังทลายลงถ้อยคำที่ตึงมัดอัดแน่นในใจมา นานได้พรั่งพรูออกมาซึ่งล้วนแต่เต็มไป ด้วยความหวาดกลัวไร้ที่พึ่งครูนาฏศิลป์ สาวที่ยืนร่วมอยู่ในเหตุการณ์วันนั้นก็ คือครูจำเรียงพุทธประดับครูของพิสมัยท่าน นี้เป็นสาวโสดอยู่คนเดียวในที่สุดเมื่อ ทราบเรื่องราวต่างๆของลูกศิษย์คนนี้แล้ว พิศมัยได้มาอยู่ในอ้อมอกแห่งความเมตตาของ ครูท่านนี้ผู้ซึ่งเพิ่งเอ่ยปากขออุปการะ

เด็กหญิงกำพร้าไว้อย่างเต็มใจตั้งแต่ปี 2494 ถึง 2498 พิสมัยได้ย้ายเข้าไปพัก กับครูจำเรียงในฐานะเด็กอุปการะที่ครู ท่านเลี้ยงดูเอาใจใส่จุดลูกสาวแท้ๆของตัว เองพิศมัยพักอยู่กับครูจำเรียงในวังหลวง ใกล้พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทนานถึง 5 ปี วันพ้นคืนผ่าน รับการอบรมเลี้ยงดูฝึกฝนกิริยามารยาทจนงด งามอ่อนช้อยเรียบร้อยอ่อนหวานสมเป็น กุลสตรีไทยทุกระเบียบนิ้วระหว่างอยู่กับ ครูจำเรียงและเรียนที่โรงเรียนนาฏศิลป์ พิสมัยมีโอกาสได้รำถวายพระสยามเทวาธิราช เทพยดาศักดิ์สิทธิ์ที่อภิบาลรักษาประเทศ ไทยต่อเบื้องพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และพระบาทสมเด็จ

พระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถนับเป็นบุญของ เธออย่างหาประมาณมิได้เพื่อนสนิทร่วมชั้น เรียนนาฏศิลป์ของพิศมัยมีอยู่ 4 คนคือทรง ศรีเทพคเทียมแแขกุญชรณอยุธยาคนนี้เป็น บุตรสาวของหม่อมหลวงขาวกุนชอนต่อมาเป็น ภรรยาของพระเอกรางวัลตุ๊กตาทอง 3 ปีซ้อน ไชยาสุริยันคนต่อมาคือขนิษฐากุญชรณอยุธยา และคนที่ 4 คือรำเพยพันธุ์สาวนาฏศิลป์ ทั้ง 5 คือนางรำตัวเด่นนางละครตัวเอ้ของ โรงเรียนนาฏศิลป์ได้ลำรับแขกบ้านแขกเมือง อยู่เนืองๆพิศมัยได้ยินรำในตำแหน่งตรง กลางแถวหน้าและได้เล่นเป็นนางเอกละคร เรื่องแว่นแก้วนายขุนช้างขุนแผนตอนพลาย เพชรพลายบัวออกศึกอีกทั้งยังได้แสดงเป็น

พระเอกในละครพันทางเรื่องสังข์ทองเล่น เป็นพระสังข์ตอนหาปลาและพิศมัยเริ่มมี ชื่อเสียงเป็นที่รู้จักจากการรำฉุยฉาย พราหมณ์ที่ว่ากันว่าเธอรำได้งดงามเหลือ เกินสุพรรณพราหมณ์ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าพ่อ หนังไทยเป็นยักษ์ใหญ่ของวงการเป็นผู้ สร้างผู้กำกับหนังที่เล็กๆไม่ใหญ่ๆทำเป็น เจ้าของค่ายหนังสาธารณภัยภาพยนตร์เขาเคย เป็นนักเรียนนายเรือแต่ถูกรีไทร์ให้ออก จากนั้นได้ประกอบอาชีพค้าขายตามแนวตะเข็บ ชายแดนกัมพูชาแถวอรัญประเทศสินค้าที่ขาย ไม่ใช่สินค้าพื้นเมืองแต่เป็นสินค้าหนี ภาษีจากเมืองฝรั่งดั้งใหญ่โน่นสุพรรณ พราหมณ์พันธุ์สนิทชิดเชื้อกับอรณาผู้กำ

Cr: https://youtu.be/l17q9xOP4-c

Related Posts

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *