หลังจากที่กระทรวงการคลัง ได้ทำการโอนเงินดิจิทัล 10000 รอบเก็บตกรอบแรกไปแล้ว เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการที่มีสิทธิจำนวน 414,908 ราย แต่พบว่ายังโอนเงินไม่สำเร็จ 64,892 ราย เนื่องจากสาเหตุ ดังนี้
คนพิการ จ่ายเงินไม่สำเร็จจำนวน 5,052 ราย มีสาเหตุจากบัญชีเงินฝากธนาคารถูกปิด เลขบัญชีเงินฝากธนาคารไม่ถูกต้อง และรวมถึงกรณีคนพิการที่ไม่เคยลงทะเบียนขอรับเบี้ยความพิการมาก่อน ทำให้ไม่มีเลขบัญชีเงินฝากธนาคารสำหรับรับเงิน กรมบัญชีกลางจึงได้จ่ายเงินให้คนพิการกลุ่มนี้ผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชน แต่พบว่าปลายทางยังไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์จึงยังจ่ายเงินไม่สำเร็จเป็นจำนวน 4,646 ราย
ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จ่ายเงินไม่สำเร็จจำนวน 59,840 ราย มีสาเหตุหลักเนื่องจากยังไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน บัญชีไม่มีการเคลื่อนไหว บัญชีเงินฝากธนาคารถูกปิด และเลขบัญชีเงินฝากธนาคารไม่ถูกต้อง
ในจำนวนนี้รวมถึงกรณีผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีบัตรประจำตัวคนพิการด้วยแต่บัตรประจำตัวคนพิการหมดอายุและยังไม่ได้ต่ออายุบัตรภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2567 ซึ่งกลุ่มนี้จะได้รับการจ่ายเงินผ่านบัญชีพร้อมเพย์ตามสิทธิของผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ดังนั้น เมื่อพบว่าปลายทางยังไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์จึงยังจ่ายเงินไม่สำเร็จ
วิธีแก้ไข
ขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้มีสิทธิดำเนินการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน หรือติดต่อธนาคารเพื่อแก้ไขบัญชีเงินฝากธนาคารที่มีปัญหาข้างต้นโดยเร็ว
คนพิการอีกจำนวน 40,658 ราย ที่กรมบัญชีกลางยังไม่เคยสั่งจ่ายเงินให้ เนื่องจากจะต้องต่ออายุบัตรประจำตัวคนพิการ ทำบัตรประจำตัวคนพิการ หรือแก้ไขข้อมูลประจำตัวคนพิการที่ศูนย์บริการคนพิการทั่วประเทศให้ถูกต้องเสียก่อนตามเงื่อนไขของโครงการฯ
แจกเงินรอบเก็บตกไวขึ้น
รอบที่ 2:
เลื่อนเร็วขึ้น 1 วัน จากเดิม วันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 เป็น 21 พฤศจิกายน 2567 โดยต้องทำบัตรหรือต่อบัตรประจำตัวคนพิการภายในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 และผูกพร้อมเพย์กับบัตรประชาชนหรือแก้ไขบัญชี ภายในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2567
รอบที่ 3:
เลื่อนเร็วขึ้น 3 วัน จากเดิม วันที่ 22 ธันวาคม เป็น 19 ธันวาคม 2567 โดยต้องทำบัตรหรือต่อบัตรประจำตัวคนพิการ ภายในวันที่ 3 ธันวาคม 2567 และผูกพร้อมเพย์กับบัตรประชาชนหรือแก้ไขบัญชี ภายในวันที่ 16 ธันวาคม 2567
เมื่อพ้นกำหนดการ Retry ครั้งที่ 3 แล้ว จะยุติการจ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมาย และถือว่ากลุ่มเป้าหมายไม่ประสงค์รับเงินภายใต้โครงการฯ